ผลิตและจำหน่าย ไคโตซาน ปุ๋ยน้ำสูตรบำรุงดอกและผล ปุ๋ยน้ำสูตรบำรุงผล ฮอร์โมนกระตุ้นตาดอก

จำหน่ายวัตถุดิบผลิตไคโตซาน

ผลิตภัณฑ์
วัตถุดิบ
ลักษณะภายนอก
ขนาดบรรจุ
ราคา
สารละลายไคโตซาน กุ้ง/ปู สารละลาย 20 ลิตร 100 บาท/ลิตร
ไคโตซาน กุ้ง เกล็ด 1 กิโลกรัม 1,700 บาท/กิโลกรัม
ไคโตซาน ปลาหมึก เกล็ด 1 กิโลกรัม 1,900 บาท/กิโลกรัม
ไคโตซานชนิดผง กุ้ง 100 Mesh Pass 1 กิโลกรัม 3,000 บาท/กิโลกรัม
ไคโตซานชนิดผง ปลาหมึก 101 Mesh Pass 1 กิโลกรัม 3,300 บาท/กิโลกรัม


***ปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำ***
- สารละลายไคโตซาน 20 ลิตร
- ไคโตซาน กุ้ง (ชนิดเกล็ด) 10 กิโลกรัม
- ไคโตซาน ปลาหมึก (ชนิดเกล็ด) 10 กิโลกรัม
- ไคโตซาน กุ้ง (ชนิดผง) 10 กิโลกรัม
- ไคโตซาน ปลาหมึก (ชนิดผง) 10 กิโลกรัม

ผลิตภัณฑ์คุณภาพ " ปูดาวแดง "

ผลิตและจำหน่าย "ปูดาวแดง ไคโตซาน" ชนิดเข้มข้นพิเศษ


ปูดาวแดง ไคโตซาน สำหรับพืช เป็นสารไบโอโพลิเมอร์ สกัดจากเปลือกกุ้ง 100% กระตุ้นการเจริญเติบโต เพิ่มผลผลิตพืช เหมาะสำหรับ พืชผัก พืชไร่ นาข้าว ไม้ดอก และไม้ประดับ ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ ผู้บริโภค ไม่มีสารพิษตกค้าง ช่วยให้พืชกินอาหารและกินปุ๋ยได้ดี มีภูมิต้านทานโรคและแมลงศัตรูพืชได้ดี ปรับสภาพดินให้ร่วนซุย ใช้เคลือบเมล็ดพันธุ์ เคลือบผิวผลไม้ อาทิเช่น มะม่วงและมังคุด ซึ่งจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา และแบคทีเรียบนผิวผลไม้ได้ดี จึงช่วยชะลอการเน่าเสีย ยืดอายุเก็บรักษาได้ยาวนานขึ้น และจากการที่สารสกัดไคโตซานมีสายโมเลกุลที่สั้นลง จึงทำให้เมื่อนำไปเคลือบผิวแล้วยังมีช่องว่างบนผิวผลไม้ให้ผลไม้หายใจได้ จึงทำให้ผลไม้สุก
ปูดาวแดง ไคโตซาน สำหรับสัตว์ เป็นสารสกัดจากเปลือกกุ้งเป็นสารไบโอโพลิเมอร์สกัดจากธรรมชาติ 100% จึงไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้และผู้บริโภค ไม่มีสารตกค้างจึงไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ เหมาะสำหรับผสมอาหารหรือผสมน้ำให้สัตว์กิน ลดการสูญเสียอาหารและไม่ทำให้น้ำเน่าเสีย เป็นสารตั้งต้นในการสร้างเนื้อเยื่อ เติบโตเร็ว เสริมสร้างภูมิต้านทานโรค
ปูดาวแดง สาหร่ายทะเล เป็นสารสกัดจากสาหร่ายทะเล ประกอบไปด้วย ไซโตไคนิน ออกซิน จิบเบอเรลลิน กรดอะมิโน 17 ชนิด วิตามิน บี1 บี2 ซี ดี และอื่นๆ รวม 11 ชนิด ช่วยกระตุ้นการแตกตาดอก แตกกิ่งเพิ่มปริมาณ และขยายขนาดดอก เพิ่มการผสมเกษร ลดการหลุดร่วงของผล ขยายขนาดผล กระตุ้นการเจริญเติบโตบริเวณปลายราก ปลายยอด รากแผ่กระจายมากขึ้น ดูดปุ๋ย ธาตุอาหารและน้ำได้ดี พืชเจริญเติบโตได้ดี ทนแล้ง และให้ผลผลิตสูง ช่วยฟื้นฟูสภาพต้นเมื่อพืชประสบกับสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น ขาดน้ำ อากาศร้อนจัด เย็นจัด หรือน้ำท่วมขัง
ปูดาวแดง แคลเซียม-โบรอน เป็นธาตุอาหารเสริมพิเศษ หรือเกลือแร่พิเศษสำหรับพืชทุกชนิด ช่วยเร่งการงอก เพิ่มการติดเมล็ด เมล็ดงอกไว ได้ต้นใหญ่แข็งแรง เร่งการแตกราก แตกยอดใหม่ ช่วยสร้างระบบรากให้แข็งแรง รากแผ่กระจายมากขึ้น ดูดกินอาหารได้ดีขึ้น ขยายและสร้างตาดอก ช่วยทำให้ช่อดอกสมบรูณ์ แข็งแรงลดปัญหาการหลุดร่วง ขั้วดอกและขั้วผลเหนียว ทำให้ผลเนื้อแน่น รสชาติดี สีสวย ผลใหญ่ ลดปัญหาผลแตก แก้อาการโทรม พืชฟื้นตัวหลังย้ายปลูกหรือหลังพืชออกดอกหรือถูกแมลงทำลาย
ปูดาวแดง ไคโตซาน สูตรสะสมอาหารกระตุ้นการแตกตาดอก เป็นสารสกัดสาหร่ายทะเลสีเขียว ภายใต้ห้องปฏิบัติการที่ควบคุมอุณหภูมิต่ำ เพื่อไม่ให้สารอาหารสูญเสียไปกับความร้อน ประกอบไปด้วยธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริมหลายชนิด รวมทั้งกรดอะมิโน 17 ชนิด ช่วยกระตุ้นการแตกตาใบ และเปิดตาดอก เร่งการเจริญเติบโตของต้น ใบ ผล ฟื้นฟูและบำรุงต้นไม่ให้โทรมหลังเก็บเกี่ยว พัฒนาระบบรากให้แข็งแรงดูดซึมปุ๋ย แร่ธาตุอาหารและน้ำได้ดี ช่วยปรับสภาพต้นให้ทนต่อสภาวะแวดล้อมต่างๆ ทั้ง ร้ิอน หนาว ฝนแล้ง น้ำท่วม ช่วยให้พืชทนต่อการทำลายของโรคและแมลงบางชนิดได้
ปูดาวแดง ไคโตซาน สูตรขยายตาดอกและผล เป็นธาตุอาหารเสริมพิเศษสำหรับพืชทุกชนิด เร่งการแตกราก แตกยอดใหม่ ช่วยระบบรากให้แข็งแรง ขยายตาดอกสร้างตาดอก ช่วยให้ช่อดอกสมบูรณ์ ทนร้อน ทนแดด ทนฝน ลดการหลุดร่วงของผลและดอก ขยายขนาดของผล ขยายรังไข่ในดอก ช่วยทำให้รังไข่ขยายโต แข็งแรงรอรับการผสมเกษรของตัวผู้ได้ดี ทำให้ติดผลมากขึ้น ช่วยทำให้เนื้อเยื้อพืชมีโครงสร้างแข็งแรง ขั้วดอกขั้วผลเหนียว กระตุ้นให้พืชสร้างและควบคุมการเคลื่อนย้ายแป้งและน้ำตาลมายังผลทำใหผลเนื้อแน่น รสชาตดี สีสวย ลดปัญหาผลแตก
ปูดาวแดง ไคโตซาน สูตรพิเศษสำหรับไม้ผล เป็นธาตุอาหารเสริมพิเศษเหมาะสำหรับไม้ผล กระตุ้นการเจริญเติบโต เพิ่มผลผลิต เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 100% ไม่มีสารพิษตกค้าง ช่วยแก้ปัญหาการขาดธาตุแคลเซียมและโบรอนได้อย่างรวดเร็ว ส่งเสริมการงอกของเกษร เพิ่มการผสมเกษร การติดผลเพิ่มขึ้น ติดผลตก ลดปัญหาผลร่วง ดอกร่วง สามารถป้องกันผลแตก ฝักแตก ไส้กรวง ไส้ล้ม ผลเน่า และลำต้นแตกได้ดี กระตุ้นให้พืชสร้างและควบคุมการเคลื่อนย้ายของแป้งและน้ำตาลทำให้ผลเนื้อแน่น รสชาติดี สีสวย ผลใหญ่
ผลิตภัณท์อื่นๆอีกมาก เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจนำไปใช้ด้วยตัวเองหรือจำหน่ายต่อ ทางเรารับทำแบรนด์เนอร์ ไคโตซาน ปุ๋ยน้ำสูตรต่างๆ สำหรับของท่านเอง โดยเราขายส่งพร้อม บรรจุภัณท์ ตามขนาดของความต้องการของท่าน

ถ้าสั่งจำนวน 100 ลิตร ราคาลิตรละ 70 บาท

รับผู้ต้องการเป็นผู้จัดจำหน่ายอิสระ ทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด

รับผลิตพร้อมออกแบบแบรนด์เนอร์ ของท่านเอง สอบถามรายละเอียดได้ที่ฝ่ายขาย


ตามรายการสินค้าและบรรจุภัณฑ์ด้านล่างนี้

1.ขนาดบรรจุ 5 ลิตร ราคา 420 บาท
2.ขนาดบรรจุ 10 ลิตร ราคา 830 บาท
3.ขนาดบรรจุ 20 ลิตร ราคา 1,630 บาท
4.ขนาดบรรจุ 30 ลิตร ราคา 2,430 บาท





รับสมัครตัวแทนจำหน่ายทุกจังหวัด


ท่านใจที่สนใจผลิตภัณท์ใด กรุณา โทรสอบถามราคาได้ตามเบอร์โทรข้างล่างนี้

ฝ่ายขาย หรือ อีเมล์ poodowndang@gmail.com.


ทางเราผลิตสินค้าด้วยคุณภาพ เพื่อให้เกษตกรใช้สินค้าที่ดีที่สุด เพื่อคุณ เพื่อเรา เพื่อความมั่นคงของเกษตกร


ไคโตซาน เป็นโพลิเมอร์ ชีวภาพ ใช้ได้ทั้งพืช และสัตว์ ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิต



* ไคโตซาน ไม่ใช่ปุ๋ย ไม่ใช่ยา ไม่ใช่ฮอร์โมน ไม่ใช่วิตามิน เป็นโพลิเมอร์ชีวภาพจึงปลอดภัยต่อผู้ใช้ ผู้บริโภคไม่มีสารพิษตกค้างและไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม (ตามรายงานผลการวิเคราะห์เลขที่246-12-47 งานวิจัยสภาวะแวดล้อมฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสน)



*ไคโตซาน มีคุณสมบัติเป็นตัวช่วยให้พืชทุกชนิดกินปุ๋ย กินแร่ธาตุได้ดียิ่งขึ้น เร่งราก เร่งใบ เร่งลำต้น เร่งดอก เร่งผล ทำให้พืชโตเร็ว พืชแข็งแรง เพิ่มผลผลิต สร้างภูมิคุ้มกันป้องกันตัวเองทำให้พืชทุกชนิด ทนต่อโรคและแมลงศัตรูพืช



*ไคโตซาน จะมีกลิ่นเฉพาะตัว ซึ่งเป็นกลิ่นของแมลงปีกแข็ง ศัตรูได้กลิ่นจะบินหนีไป

ไคโตซานสำหรับพืช ก่อนการเก็บเกี่ยว

1. เคลือบ เมล็ดพันธุ์หรือแช่เมล็ดพันธุ์ก่อนปลูก ป้องกันเชื้อราที่จะมาทำร้ายเมล็ดพันธุ์ กระตุ้นการงอกของรากของเมล็ดพันธุ์ได้ดี เร่งรากยาวทำให้พืชสามารถกินปุ๋ยได้มากขึ้นดังนั้นจึงลดปุ๋ยลง เมื่อพืชกินปุ๋ยได้มากขึ้น ก็ขยายท่อลำเลียงพืชได้ดีขึ้น ลำต้นใหญ่ขึ้นพืชจึงสมบูรณ์ทำให้เพิ่มผลผลิต ทั้งผลผลิตที่ได้ก็มีคุณภาพดี

2. ป้องกันและกำจัดแมลง แมลงหนีเพราะได้กลิ่นเฉพาะของไคโตซาน

3. ป้องกันและกำจัดโรคพืช กระตุ้นให้พืชสร้างสารป้องกันโรคพืช เช่น ไฟโตอะเล็กซิน ไคติเนส รวมทั้ง ยับยั้ง RNA ของเชื้อราไม่ให้สามารถขยายพันธุ์ได้ พืชจึงแข็งแรง (90% โรคพืชเกิดจากเชื้อรา)

4. เป็นปุ๋ยให้แก่พืช พืชทุกชนิดที่ได้ใช้ ไคโตซาน จะทำให้พืชสามารถตรึงเอา ไนโตรเจนนำมาใช้ได้ถ้าเป็นเห็ดสามารถตรึงเอาคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้ได้เป็น อย่างดี ไคโตซานมีประจุแกรมบวกเยอะมาก และพืชที่ได้ใช้ ไคโตซาน สามารถดูดซึมเอาธาตุอาหารในดินหลายชนิดเช่น โปรแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียมเหล็ก ฟอสเฟตไนเตรส มาใช้ และเก็บไว้แล้ว ปลดปล่อยให้แก่พืชอย่างช้าๆ ตามความต้องการของพืชแต่ละชนิด

5. ช่วยปรับสภาพดินให้ดีขึ้น ดินที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืชจะต้องมีค่า pH 5.5-8.5 การใช้ ไคโตซาน อย่างต่อเนื่องจะทำให้ค่า pH ของดินเท่ากับ 6-7 ซึ่งเป็นกลางที่สุดจึงเหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืชอย่างยิ่ง รวมทั้งคุณสมบัติที่ช่วยสลายเคมีในดิน อันต่อเนื่องจากใช้ปุ๋ยเคมีอย่างยาวนาน รวมทั้งช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน รวมทั้งลดปริมาณจุลินทรีย์ที่เป็นโรคพืช



หลังการเก็บเกี่ยว พืชที่ใช้ ไคโตซาน ทุก ชนิดจะเก็บไว้ได้ยาวนานกว่าพืชที่ไม่ได้ใช้ (พิสูจน์ได้) โดยการรักษาคุณภาพผลผลิต เพราะว่าพืชที่ใช้ไคโตซาน มีการเคลือบบนผิวผักผลไม้ เป็นลักษณะฟิล์มบางใสๆ ปราศจากสีและกลิ่น ทนทานต่อสภาวะกรดได้ดี


1. ทำให้เกิดก๊าซเอธิลีนช้าลง

2. ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสีช้าลง

3. ช่วยให้ชะลอการหายใจของพืช(ความชื้น)

4. ป้องกันเชื้อรา

5. ลดการรบกวนของแมลง

6. กระตุ้นให้มีการผลิตสารลิกนิน และแทนนิน ไคโตซาน



ไคโตซานสำหรับสัตว์


*ไคโตซาน สามารถใช้เป็นสารเสริมผสมลงในอาหารสัตว์ได้ทุกชนิด เช่น สุกร วัว เป็ด ไก่ กุ้ง ปลา ช่วยเพิ่มปริมาณแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในทางเดินอาหารแบคทีเรียมี 2 กลุ่ม


1. มีประโยชน์ แลคโตบาซิลลัส ไบฟิดัส

2. มีโทษเช่น ฮีโคไลซัล โมเนล่าช่วยลดอาการท้องเสียของสัตว์ได้ และลดอัตราการตายของสัตว์วัยอ่อนอันนื่องมาจากการติดเชื้อ
แบคทีเรียหลายชนิดในทางเดินอาหารและที่ผสมมากับอาหาร



*ไคโตซาน ยังสามารถสร้างความ Active และเพิ่มปริมาณของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในกระเพาะ (สัตว์ ที่มี 4 กระเพาะ) และในลำไส้ของสัตว์ทุกชนิดได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง (แบคทีเรีย)ยังสามารถเข้าไปเจริญเติบโตในลำไส้ โดยยังคงมีชีวิตและสร้างกรดแลคติคออกมากระตุ้นลำไส้เพื่อย่อยและดูดซึมอาหาร ได้ดีขึ้น



ดังนั้นจึงมีประโยชน์ต่อสัตว์ดังนี้

1.สร้างภูมิคุ้มกันโรคทำให้สัตว์แข็งแรง เสริมสร้างระบบลำไส้และการขับถ่าย ลดปัญหาการเจ็บป่วย ท้องเสีย

2.สัตว์เจริญเติบโตได้เร็ว เนื้อแน่น มันน้อย

3.ลดปัญหากลิ่นเหม็นของมูลสัตว์( เพราะไปช่วยระบบย่อยอาหารของสัตว์ให้ดีขึ้น)

4.สัตว์สุขภาพดี ร่าเริง ไม่เครียด

5.วัว ตกลูกง่าย น้ำนมแม่ดี ลูกสุขภาพดี วัวนม แพะนม มีปริมาณน้ำนมเพิ่ม คุณภาพน้ำนมดี ( กินตั้งแต่แม่วัวตั้งท้อง )

6.สัตว์ที่เป็นแผล ใช้ ไคโตซาน ชุบสำลีทำความสะอาดแผลแผลจะแห้งหายเร็ว

7.มูลสัตว์ที่กิน ไคโตซาน สามารถนำมาใช้เป็นปุ๋ยกับพืชได้เป็นอย่างดี

8.ลดการรบกวนของแมลงที่มาไต่ตอมสัตว์ เพราะแมลงไม่ชอบกลิ่น ไคโตซาน สัตว์แข็งแรงโตเร็ว มีภูมิต้านทานโรคดี จึงช่วยมากในการประหยัดหัวอาหาร ลดวัคซีน หรือยาปฏิชีวนะ

ราคาและรายละเอียดการสั่งซื้อไคโตซานพืชและสัตว์

ขนาดบรรจุ 1 ลิตร
รหัสสินค้า TM ซื้อสินค้า 12 ขวด (12ลิตร)
ราคาส่งลิตรละ 135 บาท (รวมเป็นเงิน 135x12 = 1,620 บาท)
ราคาขายลิตรละ 220 บาท

รหัสสินค้า TL ซื้อสินค้า 24 ขวด (24ลิตร)
ราคาส่งลิตรละ 125 บาท (รวมเป็นเงิน 125x24 = 3,000 บาท)
ราคาขายลิตรละ 220 บาท

รหัสสินค้าTX ซื้อสินค้า 36 ขวด (36ลิตร)
ราคาส่งลิตรละ 115 บาท (รวมเป็นเงิน 115x36 = 4,140 บาท)
ราคาขายลิตรละ 220 บาท

แบบแกลลอนมีบรรจุภัณฑ์ขนาด
ขนาด 5 ลิตร
ขนาด 10 ลิตร
ขนาด 20 ลิตร



สามารถสั่งซื้อแบบบรรจุ 1 ลิตร หรือ แบบแกลลอน ก็ได้ ราคาจะอ้างอิงตามจำนวนการสั่งซื้อ
ราคาข้างต้นจะมีผลหลังจากวันที่ 15 กันยายน 2552 นี้เป็นต้นไป

บรรจุภัณฑ์


ชื่อผลิตภัณฑ์: ขวดคอหยัก 1ลิตร
รายละเอียด: ขนาดบรรจุ1000cc ขาวนม, ขาวขุ่น

ชื่อผลิตภัณฑ์: ขวด 1000 ซีซี. ทรงจรวด
รายละเอียด: ขนาดบรรจุ1000cc ขาวนม, ขาวขุ่น

ชื่อผลิตภัณฑ์: แกลลอน 5 ลิตร
รายละเอียด: ขนาดบรรจุ 5000cc

ชื่อผลิตภัณฑ์: แกลลอน 10 ลิตร
รายละเอียด: ขนาดบรรจุ 10,000cc

ชื่อผลิตภัณฑ์: แกลลอน 20 ลิตร
รายละเอียด: ขนาดบรรจุ 20,000cc

วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การใช้ไคโตซานสัตว์ กับ วัว





การใช้ไคโตซานสัตว์ กับ วัว


ไคโตซาน

จะมีประโยชน์อย่างมากในกระบวนการย่อยในกระเพาะ เนื่องจากโคเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง จะมี 4 กระเพาะ มีกระเพาะหมัก (rumen)ซึงมีขนาดใหญ่ทีสุด กระเพาะรังผึ้ง (reticulum) กระเพาะผ้าขี้ริ้ว(Omasum)การ เลี้ยงสัตว์เคี้ยวเอื้องก็เพื่อช่วยย่อยอาหาร หรือบดอาหาร แต่เป็นการย่อยเชิงกล สัตว์ไม่สามารถย่อยเซลล์พืชได้ ต้องอาศัยการย่อยของแบคทีเรีย ในการย่อยเซลล์พืชให้ดีขึ้น สารที่ได้จากการหมักย่อยของแบคทีเรียจะเป็นกรดไขมันระเหย(volatile fatty acide) ร่าง กายของสัตว์เหล่านั้นก็จะดูดซึมไปใช้ในการสร้างพลังงาน สร้างเนื้อและนม ไคโตซานจะเข้าไปช่วยในกระบวนการย่อยในกระเพาะ ทำให้ปริมาณแบคทีเรียเพิ่มสูงขึ้น กระบวนการหมักในกระเพาะสมบูรณ์ขึ้น ทำ ให้ได้กรดมันระเหยสูงขึ้น จึงช่วยให้โคมีอัตราการเจริญเติบโตที่รวดเร็วขึ้น และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค โดยเฉพาะโรคปากและเท้าเปื่อย ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสได้เป็นอย่างดี

วิธีใช้

1. ผสมกับน้ำ 20 ซีซี /10 ลิตร
2. ผสมกับอาหาร 20 ซีซี /5 กก. 1 วัน ต่อ 1 เวลาเป็นอย่างน้อย

ประโยชน์

1.สร้างภูมิคุ้มกัน 2. ประหยัดอาหาร
3.ได้ผลผลิตเพิ่ม 4. สัตว์ร่าเริง
5.ลดต้นทุน 6.ลดกลิ่นมูลสัตว์

ผลที่ได้รับ

โคเนื้อหรือโคขุน โตเร็ว น้ำหนักเพิ่ม ไขมันไม่มีโคพันธ์ บำรุงน้ำเชื้อ ทำให้วัวแข็งแรง ภูมิต้านทานดี มีโรคยาก โคนม ได้คุณภาพนมที่ดี (โซมาติคเซลล์ลดลง) เพิ่มปริมาณน้ำนม ลดอาการอักเสบของเต้านม (แมส) ภูมิต้านทานดี ไม่เป็นโรค วัวตกลูกได้ง่าย แม่วัวมีน้ำนมมากลูกวัวแข็งแรง ลักษณะดี

วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การใช้ไคโตซานสัตว์ กับ หมู






การใช้ไคโตซานสัตว์ กับ หมู

สำหรับ หมูที่เป็นแม่พันธุ์ หมูใหญ่หมูเล็ก บำรุงแม่ระหว่างตั้งท้องหมู่ใหญ่และหมู่เล็กทำให้โตไว ลดต้นทุนประหยัดอาหาร ประหยัดอาหาร หมูจะร่าเริงทำให้หมูแข็งแรงช่วยให้หมูไม่เครียด
วิธีใช้
1. สำหรับแม่หมูที่ผสมเสร็จแล้วระหว่างรอคลอดตั้งแต่ 1 ถึง 4เดือน
1.1 ผสมไคโตซานอาหารสัตว์ 20 cc./ อาหารสัตว์ 10 กก.
1.2 ผสมไคโตซานอาหารสัตว์ 10 cc./ น้ำ 20 ลิตร

2.
หลังจากแม่หมูคลอดแล้วทำให้น้ำนมดีและมีน้ำนมมาก
2.1 ผสมไคโตซานอาหารสัตว์ 20 cc./ อาหารสัตว์ 1 กก.
2.2 ผสมไคโตซานอาหารสัตว์ 20 cc./ น้ำ 20 ลิตร
----นำไปให้แม่หมูกินจนกว่าลูกหมุจะอย่านม----

3.
สำหรับลูกหมูเล็ก
3.1 ผสมไคโตซานอาหารสัตว์ 20 cc./ อาหารสัตว์ 1 กก.
3.2 ผสมไคโตซานอาหารสัตว์ 20 cc./ น้ำ 20 ลิตร

4.
สำหรับหมูขุน
4.1 ผสมไคโตซานอาหารสัตว์ 20 cc./ อาหารสัตว์ 5 กก.4.2 ผสมไคโตซานอาหารสัตว์ 20 cc./ น้ำ 20 ลิตร

การใช้ ไคโตซานสัตว์ กับ ไก่พันธุ์ไข่






การใช้ ไคโตซานสัตว์ กับ ไก่พันธุ์ไข่


ประโยชน์

1. ทำให้แม่พันธุ์ไก่แข็งแรง
2. ไข่ลูกใหญ่ เปลือกหนา ไข่แดงจะใหญ่และสีสด ตลาดต้องการ
3. ไข่ไก่จะสด เก็บได้นาน
4. กลี่นเหม็นของมูลไก่จะลดกลิ่นเหม็นลง
5. ลดการรบกวนของแมลง

วิธีการใช้

กรณีไก่ยังไม่ออกไข่ในระยะเริ่มต้น ใช้ไคโตซานสัตว์ อัตราส่วน 200 ซีซี / น้ำ 200 ลิตร ให้กินทุกวัน จนอายุไก่ได้ประมาณ 18 สัปดาห์
กรณีไก่เริ่มไข ใช้ไคโตซานสัตว์ 400 ซีซี / น้ำ 200 ลิตร ให้กิน 7 วัน เว้น 7 วัน จะทำให้เซลของไข่เพิ่มขึ้น เปลือกหนาขึ้น ไก่จะกินอาหารได้ดีแข็งแรง ไม่เป็นโรค ไก่จะเริ่มไข่ประมาณ 14-16 เดือน และจะออกไข่ทุกวัน

การใช้ไคโตซานสัตว์ กับ ไก่พันธุ์เนื้อ
ใช้ไคโตซานสัตว์ อัตรา 300 ซีซี / น้ำ 200 ลิตร ให้กินทุกวัน ผลดี ก็คือ เนื้อไก่แน่น น้ำหนักตัวดี โตไว แข็งแรง ไม่เป็นโรค ปกติ ระยะเวลาการเลี้ยงประมาณ 45 วัน แต่ใช้ไคโตซานเลี้ยง ประมาณ 30 วัน ก็จับขายได้ น้ำหนักเพิ่มอัตราเฉลี่ย 1 – 2 ขีด / ตัว

การใช้ไคโตซานสัตว์ กับ กุ้ง กุ้งกุลาดำ กุ้งขาว กุ้งก้ามกราม






การใช้ไคโตซานสัตว์ กับ กุ้ง กุ้งกุลาดำ กุ้งขาว กุ้งก้ามกราม

การเลี้ยงกุ้ง ในปัจจุบันจะพบกันมากเช่น กุ้งไม่โต กุ้งไม่ลอกคราบ กุ้งไม่แข็งแรง กุ้งเกิดโรคต่างๆ กุ้งตายทุกวัน ผลผลิตตกต่ำไม่มีคุณภาพ ตามที่ตลาดต้องการ ตัวเล็ก ผิวไม่สวย มีกลิ่นโคลน ขายไม่ได้ราคาทำให้ขาดทุนเป็นจำนวนมากและยังใช้ยาและสารเคมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาสารพิษตกค้างตามมาอีกด้วย หลังหว่านอาหารกุ้งลงน้ำ2-3ชั่วโมง อาหารกุ้งละลายตัวในน้ำเร็ว กุ้งกินอาหารได้ประมาณ60%ที่เหลืออีก40%ละลายน้ำไปหมด จึงเกิดสิ่งที่ตามมาทำให้น้ำเสียจากอาหารกุ้งที่มีโปรตีนสูงพอมากเข้าเกิดบูดเน่า โคลนเน่าเลนเน่า เสียค่า PH น้ำแกว่ง ความเป็นกรดด่าง และ สะสมเชื้อโรต่างๆ ในดินที่เน่าเสีย ทำให้กุ้งเครียดเพราะกุ้งจะหมกโคลนเลนที่เน่าเสีย กุ้งก็กินกันเอง ไม่กินอาหารไม่ลอกคราบ ไม่โต ผิวไม่สวย

วิธีใช้

โตซาน 20 ซีซี ผสมน้ำ 200 ซีซี ต่ออาหารกุ้ง 1 กิโลกรัม คลุกเคลือบกับอาหารกุ้ง ผึ่งทิ้งไว้ในร่มให้แห้งประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนนำไปหว่าน

ประโยชน์ที่ได้รับ

ไคโตซาน จะเคลือบอาหารกุ้ง แตกตัวช้าลง อาหารกุ้งอยู่ในน้ำได้ประมาณ 12 ชั่วโมงขึ้นไปโดยไม่เปื่อยยุ่ยง่าย ลดการสูญเสียอาหารเป็นจำนวนมาก น้ำไม่เสีย ดินก็ไม่เสีย ในเมื่อน้ำดี ดินดี ปัญหาเรื่องแอมโมเนีย ค่าPH น้ำ และเชื้อโรคต่างๆก็ไม่เป็น ผู้เลี้ยงไม่ต้องใช้ยา ไม่ต้องใช้สารเคมีแก้ปัญหาเหมือนเมื่อก่อน

• เมื่อ กุ้งกินอาหารที่เคลือบไคโตซาน น้ำย่อยในกระเพาะกุ้งจะย่อยสารไคโตซานเป็นสารกลูโคซามีนในการสร้างเนื้อ เยื่อและเปลือกกุ้งจึงทำให้กุ้งลอกคราบดี กุ้งโตเร็ว เนื้อแน่น น้ำหนักดี ผิวสวย มีลักษณะคล้ายกับกุ้งธรรมชาติ•ใช้ไคโตซาน 1 ลิตร ผสมน้ำ 200 ลิตร ราดบ่อ 1ไร่ ทุกๆ 7-10วัน กรณีเตรียมบ่อใช้อัตราเท่ากันฉีดให้ทั่วบ่อ ตากแดด 2-3 วัน ไคโตซาน จะไปช่วยปรับสภาพดินและยับยั้งเชื้อโรค ที่อยู่ในดินและน้ำ

การใช้ไคโตซานกับปาล์ม








การใช้ไคโตซานกับปาล์ม


เดือนแรก

ไคโตซาน 100 CC ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก 7 วัน โดยฉีดพ่นบริเวณทรงพุ่ม บริเวณจั่นหรือทลายปาล์มและบริเวรรอบ ๆ โคนต้นรัศมี 1 เมตร

เดือน 2

ไคโตซาน 100 CC ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก 15 วัน โดยฉีดพ่นบริเวณทรงพุ่ม บริเวณจั่นหรือทลายปาล์มและบริเวรรอบ ๆ โคนต้นรัศมี 1 เมตร

เดือน 3

ไคโตซาน 100 CC ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก 30วัน โดยฉีดพ่นบริเวณทรงพุ่ม บริเวณจั่นหรือทลายปาล์มและบริเวรรอบ ๆ โคนต้นรัศมี 1 เมตร

การผสมปุ๋ย

ไคโตซาน 500 CC ต่อน้ำ 20 ลิตร คลุกกับปุ๋ย 100 กิโลกรัม หลังจากนั้นนำไปหว่านรอบโคนต้นข้อแนะนำ
- การผสมฉีดพ่นให้ผสมไคโตซานไปผสมกับน้ำก่อนทุกครั้งผลที่ได้รับหลังที่ใช้อย่างต่อเนื่อง
- สภาพใบและลำต้นสมบูรณ์ขึ้น ดินสมบูรณ์ขึ้น
- หลังจากที่ฉีดพ่นไปแล้วประมาณ 30 – 45 วัน จะเห็นทลายปาล์มออกมา
- ทลายปาล์มใหญ่และดก
- มีผลผลิตเก็บทุกรอบ และสามารถเก็บผลผลิตได้ถี่ขึ้น จาก 25 วัน/ครั้ง เป็น 20 วัน/ครั้ง






วิธีการใช้ไคโตซานกับมันสำปะหลัง


1. ใช้ไคโตซาน 40 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นท่อนมันหรือแช่ท่อนมันก่อนนำไปปลูก
2. อายุ 1 – 1 ใช้ไคโตซาน 20 – 40 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่ว
3. เมื่ออายุ 1 – 2 เดือนให้ปุ๋ย 1 ครั้ง
4. เมื่ออายุ 2 – 2 ฉีดพ่นอีก 1 ครั้ง
5. ย่างเข้าเดือนที่ 3- 4 ให้ปุ๋ยเพื่อเร่งหัว เริ่มออกดอกข้อควรระวัง : ห้ามให้ยาฆ่าหญ้าเป็นอันขาดการใช้ปุ๋ยก็อยู่ที่การใช้ของเกษตรกร ว่าเคยให้อย่างไรก็ให้อย่างนั้นทุกครั้ง

ปรับสภาพดินก่อนปลูก

ไคโตซาน 20 CC + น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นแปลงปลูกก่อน 7 – 10 วัน

การคลุกปุ๋ย

ไคโตซาน 300 CC + น้ำ 1 ลิตร+ ปุ๋ย 50 Kg. คลุกเคล้าให้เข้ากันผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปหว่านหรือหยอดฉีด

พ่นทางใบ – โคนต้น

ไคโตซาน 20cc + น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุ 10 วัน หากใช้สารเคมีร่วมได้แต่ต้องเอาสารเคมีใส่ลงทีหลัง

ประโยชน์

- หัวใหญ่มีน้ำหนัก รสชาติดี เพิ่มผลผลิต
- ลดปุ๋ย 50%
- ปรับสภาพดินให้ดีขึ้น
- ป้องกันเชื้อราได้ดี

การใช้ไคโตซานกับยางพารา








การใช้ไคโตซานกับยางพารา


ต้นยางเล็ก

ไคโตซาน 40 CC ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นใบและพื้นดินรอบ ๆ โคนต้นรัศมี - 1 เมตร

ต้นยางที่กรีดแล้ว

การฉีดพ่น ใช้ไคโตซาน 80 CC ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณลำต้นและรอบโคนต้นรัศมี 1 เมตร โดยเดือน แรก ฉีดพ่นทุก 7 วัน เดือนต่อไปฉีดพ่นทุก 15 วัน เมื่อเห็นว่าต้นยางสมบูรณ์สภาพดินสมบูรณ์สามารถยืดการฉีดพ่นเป็นเดือนละ 1 ครั้งได้

การทาหน้ายาง

ไคโตซาน 100 CC ผสมน้ำครึ่งลิตร ผสมกับดินทาหน้ายาง 1 กิโลกรัม ทาบริเวณหน้ายางที่กรีดแล้วทุก 20 – 30 วัน ทำให้เปลือกนิ่ม กรีดง่าย ปริมาณน้ำยางเพิ่มขึ้น น้ำยางข้นขึ้น ลดปัญหาหน้ายางตายนิ่ง

กรณีหน้ายางตายนิ่ง

ใช้ไคโตซาน 100 CC ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณลำต้นและรอบโคนต้นรัศมี 1 เมตร โดยฉีดพ่นทุก 7 วัน ประมาณ 1- 2 เดือน สามารถเปิดหน้ายางได้

ช่วงพักหน้ายาง

ใช้ไคโตซาน 80 CC ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณลำต้นและรอบโคนต้นรัศมี 1 เมตร ทุก 1 เดือน

การผสมปุ๋ย

ไคโตซาน 500 CC คลุกกับปุ๋ย 100 กิโลกรัม จนทั่วแล้วนำไปหว่านเข้าระหว่างแถว

ข้อแนะนำ

- การผสมฉีดพ่น ให้ผสมไคโตซานลงไปผสมกับน้ำก่อนทุกครั้ง

การใช้ไคโตซานกับสับปะรด






การใช้ไคโตซานกับสับปะรด


ฉีดพ่นหน่อก่อนปลูก

ไคโตซาน 40 CC ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นโดยคว่ำหน่อแล้วฉีดช่วยป้องกันเชื้อราและทำให้รากงอกไวขึ้น
หลังปลูกเมื่อพ่นยาคลุมหญ้า
ไคโตซาน 1 ลิตร ผสมน้ำ 800 -1000 ลิตร ฉีดพ่น ( โดยให้ผสมไคโตซาน 1 ลิตร ลงไปผสมในน้ำก่อนแล้วจึงผสมอย่างอื่นลงไป )

การผสมปุ๋ย

ไคโตซาน 500 CC ผสมน้ำ 1 ลิตร คลุกกับปุ๋ย 100 กก. หลังจากนั้น คลุกกับปุ๋ยจนทั่วแล้วนำไปใส่โคนหน่อ ( โดยใส่ระหว่างหน่อ 4 หน่อ ประมาณ 1 – 2 ช้อนโต๊ะ ) ก่อนหยอดแก๊ส 1 เดือน ฉีดพ่น 1 ครั้ง , ช่วงออกลูกคาคอสีแดง ฉีดพ่น 1 ครั้ง , ช่วงดอกสีม่วง ฉีดพ่น 1 ครั้ง และหลังแคะจุกฉีดพ่น 1 ครั้ง โดยใช้ไคโตซาน 1 ลิตร ผสมน้ำ 800 -1000 ลิตร ฉีดพ่น

ข้อแนะนำ
- การผสมฉีดพ่นให้ผสมไคโตซานลงไปผสมกับน้ำก่อนทุกครั้ง

ผลที่ได้รับหลังที่ใช้อย่างต่อเนื่อง

- สภาพใบและหน่อสมบูรณ์ขึ้น ดินสมบูรณ์ขึ้น
- ลูกใหญ่ จำนวนตามาก ตาใหญ่ น้ำหนักดี
- เนื้อแน่น รสชาติหวาน

วิธีการใช้กับอ้อย







วิธีการใช้กับอ้อย


ช่วงแรก ที่ตัดอ้อยแล้ว ช่วงบำรุงตอ

1. ฉีดพร้อมกับยาฆ่าหญ้าโดยใช้ไคโตซาน 20 – 40 ต่อน้ำ 20 ลิตรเอาไคโตซานลงไปในน้ำคนให้เข้ากันก่อน แล้วค่อยใส่ ยาฆ่าหญ้า
2. ถ้าที่ไม่สมบูรณ์ หรือที่เสื่อมเพราะใช้สารเคมีเยอะ ให้ใช้อัตรา 40 CC ต่อน้ำ 20 ลิตร
3. หว่านปุ๋ยบำรุงตอ ตามสูตรการผสมปุ๋ย

ช่วงที่สอง

1.เมื่ออ้อยอายุได้ 1 – 1 เดือน ใช้ไคโตซาน 20 – 40 CC ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วทั้งหน่อและใบ
2. ตอน 6 เดือน ให้ปุ๋ยอีกรอบ ถ้าให้ปุ๋ยครั้งเดียวให้ฉีดไคโตซานเพิ่มอีกรอบ การผสมยาฆ่าหญ้า ผสมในการฉีดครั้งไหนก็ได้

วิธีใช้กับ พืชผัก กล้วยไม้ ดอกไม้ ( ฉีดพ่นทางใบ )






วิธีใช้กับ พืชผัก กล้วยไม้ ดอกไม้ ( ฉีดพ่นทางใบ )


- ใช้ไคโตซาน 10 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
วิธีใช้
- นำข้อ 1 –2 เทลงไปในน้ำ ( ต่อ 20 ) แล้วคนให้เข้ากัน
- ฉีดพ่นทุก ๆ 5 – 7 วัน
- พอเริ่มดีขึ้นท่านสามารถลดปริมาณไคโตซานลงได้ ตัวอื่นๆ คงเดิม และระยะเวลาฉีดพ่นก็สามารถฉีดห่างออกไปเป็นทุก ๆ 10 – 15 วัน ได้ แต่ต้องฉีดให้สม่ำเสมอ

วิธีใช้กับ พืชไร่ ไม้ผล

- ใช้ไคโตซาน 40 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร

วิธีใช้

- นำข้อ 1 – 2 เทลงไปในน้ำ ( ต่อ20 ) แล้วคนให้เข้ากัน
- ฉีดพ่นทุก ๆ 5 – 7 วัน- พอเริ่มดีขึ้นท่านสามารถลดปริมาณไคโตซานลงได้ ตัวอื่น ๆ คงเดิม และระยะเวลาฉีดพ่นก็สามารถฉีดห่างออกไปเป็นทุก ๆ 10 – 15 วันได้ แต่ต้องฉีดให้สม่ำเสมอ

วิธีใช้ไคโตซานกับผักกินใบ






วิธีใช้ไคโตซานกับผักกินใบ

ผักกาด คะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้งจีน ผักกาดหอม ผักชี

เพาะพันธุ์กล้า ใช้ไคโตซานคลุกเมล็ดพันธุ์ก่อนหว่าน อัตราส่วนผสมไคโตซาน 20 ซีซี + น้ำ 100 ซีซี คลุกให้เข้ากันแล้วนำเมล็ดพันธุ์ไปหว่านปรับสภาพดินก่อนปลูก ไคโตซาน 20 ซีซี + น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นแปลงก่อน 7- 10 วัน

1.คลุกปุ๋ย ใช้ไคโตซาน 300 ซีซี + น้ำ 1 ลิตร + ปุ๋ย 50 ก.ก. คลุกเคล้าให้เข้ากันผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปหว่าน หรือหยอด

2.ฉีดพ่นทางใบ ไคโตซาน 10 ซีซี + น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก ๆ 5- 7 วัน ใช้สารเคมีร่วมได้แต่ต้องเอาสารเคมีใส่ลงทีหลัง

ประโยชน์
1.ผัก เขียว / งาม เกรดดีรสชาติดีน้ำหนักเพิ่ม

2.ปรับสภาพดินให้ดี

3.ปลอดภัยทั้งผู้ใช้และผู้บริโภค

4.เก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้น 10 – 15 วัน

อย่าให้เกินปริมาณที่กำหนดเพราะจะทำให้ ผักเหลือง ถ้าฉีดโตดีไคโตซานแล้วผักมีอาการเหลืองให้รีบใส่ปุ๋ยทันที


ประโยชน์ไคโตซานสำหรับพืช 9 ข้อ
1.เคลือบเมล็ดพันธุ์ป้องกันเชื้อรา แบคทีเรีย ทำให้ประหยัดยาฆ่าแมลง มากกว่า 50 % อัตราการงอกของเมล็ดพันธุ์ 90%

2.ขับ ไล่แมลงและศัตรูพืช ไม่ต้องใช้ ยาฆ่าหญ้า หนอน และแมลง แมลงเมื่อได้กลิ่นไคโตซานจะบินหนีเพราะโดยปกติ แมลงที่กัดกินต้นพืชจะไขทิ้งไว้เพื่อขยายพันธุ์ จึงทิ้งสารไคโตซานไว้เพื่อจับจองพื้นที่แมลงเมื่อได้กลิ่นจะบินหนีทันที เพราะคิดว่าพื้นที่บริเวณนี้มีแมลงมาจับจองพื้นที่แล้วนั่นเอง

3.กระตุ้น พืชกินปุ๋ยได้ดี ครบทั้งธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ไคโตซานจะช่วยให้พืชมีรากฝอยที่ยาวและแข็งแรง กว่าพืชที่ไม่ได้ใช้สารไคโตซาน โดยปกติเวลาใส่ปุ๋ยให้พืช 100 ส่วน พืชจะนำไปใช้ได้แค่ 20 – 40 ส่วน เท่านั้น ผลผลิตไม่ดี เกษตรกรจึงต้องอัดปุ๋ยเพิ่ม 2 – 5 เท่า เพื่อให้พืชได้รับปุ๋ย 100 ส่วน ทำให้ต้นทุนปุ๋ยเพิ่มเป็น 2 – 5 เท่า

4.ไม่ต้องใช้สารไคโตซานมีประจุแกรมบวก และรูปากใบพืชมีประจุแกรมลบ ทำให้จับกันโดยธรรมชาติ

5.ไค โตซานเป็นปุ๋ยธรรมชาติ เวลาฝนตกจะมีไตโตรเจนเยอะมาก ( และมีประจุบวก ) ในขณะที่รูปากใบมีประจุลบ พอพืชเจอแสงอาทิตย์ทำให้พืชปรุงอาหารเองได้

6.ปรับสภาพดินให้ร่วนซุย และน้ำสะอาดหากใช้ไคโตซานจะทำให้ไม่ต้องซื้อจุลินทรีย์ที่จำหน่ายตามท้องตลาดเลย เช่น จุลินทรีย์ E.M.

7. ประหยัดยาฆ่าแมลง เชื้อรา โรคพืชเพราะไม่มีแมลงมากินต้นพืช ทำให้สามารถผลิตสารลิกนิน เพื่อ ป้องกันเชื้อราได้ด้วยตนเอง พืชจะแข็งแรงมีภูมิต้านทานต่อโรคได้ด้วยตนเอง พืชจะแข็งแรงมีภูมิต้านทานต่อโรค

8.ยืด อายุการเก็บเกี่ยวได้นานกว่าปกติ เกิดก๊าซลิกนินช้าลง น้ำระเหยออกจากผลไม้ พืชช้าลง ป้องกันเชื้อราผลพืช ไม่ต้องใช้สารเคลือบผัก/ ผลไม้ เพื่อให้ดูสด ประหยัดสารเคลือบผิว 100%

9.พืชผักไร้สารพิษ ปลอดภัย 100 % ใช้ร่วมกับสารทุกชนิดได้ ยกเว้น ปุ๋ยยูเรีย เพราะจะเหนียวและเป็น เมือก จับตัวกันเป็นก้อน ทำให้ฉีดพ่นไม่ได้ต้องละลายไคโตซานในน้ำและคนก่อนทุกครั้งก่อนผสมสารชนิด อื่น ลงไป ผสมกับน้ำทิ้งได้นานโดยไม่บูดไม่เน่า

การใช้ไคโตซานในนาข้าว





การปรับสภาพดินก่อนปลูก (ช่วงไถ )

ไคโตซาน 300 CC + น้ำ 30 – 50 ลิตร ผสมให้เข้ากันแล้วนำไปสาหรือราดให้ทั่วนาข้าวต่อไร่

กรณีดินเสียมาก ( ค่า PH ต่ำกว่า 4.5 ) และต้องการปรับสภาพดิน
1.ไถ กลบหนาดินก่อนแล้วใช้ไคโตซาน พืช 1 ขวด + น้ำ 200 ลิตร ราดบนหน้าดิน ต่อ 1 ไร่ เพื่อเพิ่มแร่ธาตุให้ดินและ เพิ่มจุลินทรีย์ในดิน
2. คลุกเมล็ดพันธุ์ ( การเคลือบเมล็ดพันธ์ )
ไค โตซาน 40 CC + น้ำ 20 ลิตร คนละลายให้เข้ากันแล้วนำไปรด/ราด บนเมล็ดพันธุ์ข้าว ที่แช่แล้วในกระสอบปิดปากกระสอบไว้เหมือนเดิม ทิ้ง 1 คืน จากนั้นนำไปหว่าน ผลที่ได้เมล็ดพันธุ์ข้าว จะงอกเร็วและรากจะงอกยาวกว่าปกติ เพื่อสร้างต้นกล้าที่แข็งแรง ทนทานโรค

3. การใช้ร่วมกับยาฆ่า – คุมหญ้า หลังจาก ทำข้อ 1 ไปแล้ว 7 – 10 วัน
ไค โตซาน 1 ฝา ( 30 CC ) + น้ำ 20 ลิตร คนละลายให้เข้ากัน แล้วผสม ยาคุมหญ้า นำไปฉีดพ่น ผลที่ได้คือ หญ้าตายเรียบ แต่ต้นข้าวยังเขียวขจีไม่เหี่ยวเฉา

โตดีไคโตซาน สำหรับการฉีดพ่นทางใบ
อายุต้นข้าวได้ 1 เดือน ( ให้ฉีดพร้อมยาคลุมหญ้า )ไคโตซาน 30 CC + น้ำ 20 ลิตร คนให้เข้ากันแล้วใส่ยาคลุมหญ้าไปทีหลัง
อายุต้นข้าวได้ 2 เดือน ฉีดพ่นอีก 1 ครั้ง ไคโตซาน 40 CC + น้ำ 20 ลิตรฉีดให้ทั่ว
อายุต้นข้าวได้ 3 เดือน ข้าวต้งท้องฉีดอีก 1 ครั้ง ไคโตซาน 40 CC+ น้ำ 20 ลิตร ฉีดให้ทั่ว
ข้าวออกรวง ( หางปลาทู ) ฉีดอีก 1 ครั้ง ไคโตซาน 40 CC+ น้ำ 20 ลิตร ฉีดให้ทั่ว

ต้นข้าวที่เป็นโรค ไคโตซาน 100 – 150 CC + น้ำ 20 ลิตร ฉีดให้ทั่ว อีก 5 วัน ฉีดซ้ำอีกครั้ง
ต้นข้าว หน้าหนาวไคโตซาน 100 CC + น้ำ 20 ลิตร ฉีดให้ทั่ว

คลุกปุ๋ยเคมี หว่าน
ไคโตซาน 500 CC + น้ำ 1 ลิตร ปุ๋ยเคมี 2 กระสอบ 100 ก.ก. คลุกเคล้าให้เข้ากัน ผึ่งให้หมาด ๆ เพื่อให้
ไค โตซาน เคลือบเมล็ด ปุ๋ยไว้ จะได้ยืดอายุปุ๋ยให้สลายข้าลง พืชกินได้นานขึ้น แล้วนำไปหว่านให้ทั่ว ส่วนที่เหลือสามารถเก็บไว้ใช้ได้ในคราวต่อไป

วิธีการใช้กับการเพาะเชื้อเห็ด




วิธีการใช้กับการเพาะเชื้อเห็ด

ใช้ไคโตซาน 100 CC ผสมกับน้ำ 20 ลิตร แล้วนำไปคลุกกับวัตถุดิบที่ทำก้อนเห็ด แล้วทำตามขั้นตอนปกติทำให้อัตราตอนปกติ ทำให้อัตราการสูญเสียของก้อนเห็ดลดลงมาก และทำให้เชื้อเห็ดเดินเร็ว


ใช้ไคโตซานกับเห็ดในโรงเรือนเก็บเห็ด

ไคโตซาน 5 ซีซี ผสมกับน้ำ 20 ลิตร นำไปฉีดพ่นเป็นละอองฝอย ๆ อย่าจ่อที่ดอกเห็ด จะทำให้เห็ดออกดอกเร็วออกดอกมาก รสชาติดีมาก และยึดระยะเวลาการออกดอกนานขึ้น ( ยกตัวอย่าง เช่น จากเดิม ได้ 4 – 5 เดือน ก็จะเพิ่มเป็น 6 – 7 เดือน ประมาณนี้เป็นต้น )

เห็ดทุกชนิด

ทำก้อนเชื้อ

ไคโตซาน 100 CC + น้ำ 5 ลิตร คลุกเคล้ากับเชื้อเห็ดก่อนอัดก้อน

ฉีดพ่นบางๆ ทุก 5 – 7 วัน

ไคโคซาน 5 ซีซี + น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นโปรยบาง ๆ ห้ามจดเห็ดเด็ดขาดและฉีดพ่นให้ทั่วโรงเรือนเพื่อกันเชื้อรา

ประโยชน์

1. ช่วยกำจัดเชื้อราร้ายยับยั้งการแตกสปอร์ของราร้าย
2. เห็ดออกปริมาณเพิ่มขึ้นชัดเจน
3. รสชาติดี
4. ยืดระยะการเก็บเกี่ยวนานขึ้น

ปุ๋ยชีวภาพและผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชีวภาพ



ปุ๋ย เป็นปัจจัยที่สำคัญในการผลิตพืชเนื่องจากเป็นแหล่งของธาตุอาหารพืช ดินในแหล่งเพาะปลูกที่มีระดับความอุดมสมบูรณ์ของดินสูง ความต้องการธาตุอาหารเพิ่มเติมจากปุ๋ยจะน้อยกว่าดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ การใช้ปุ๋ยให้มีประสิทธิภาพ จึงควรมีข้อมูลเบื้องต้นของดิน ชนิดพืชที่ปลูก เพื่อจะได้เลือกใช้ปุ๋ยให้ถูก้องทั้งชนิดและปริมาณ เพื่อให้เกิดความสมดุลของธาตุอาหารในการสร้างผลผลิตพืช

ปุ๋ยเคมี เป็นเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีคุณค่าทางอาหารสูง ใช้เพียงปริมาณน้อย และให้ผลตอบสนองต่อพืชอย่างรวดเร็ว การใช้ปุ๋ยเคมีติดต่อกันทำให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพของเกษตรกรไทยลดลง ปัจจุบันปุ๋ยเคมีราคาแพงมาก รวมทั้งประชาชนมีค่านิยมในการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม จึงมีความพยายามโน้มน้าวให้เกษตรกรมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปว่าปุ๋ยเคมีเป็นสารพิษ ทำลายสภาพแวดล้อม ซึ่งความจริงแล้วส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการใช้สารกำจัดศัตรูพืชบางชนิดที่ไม่ถูกต้อง จึงเป็นอันตรายต่อกุ้ง หอย ปู ปลา ในระบบนิเวศน์เกษตร นอกจากนี้การเผาวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เช่น เศษฟางข้าว หญ้า ใบอ้อย เป็นการทำลายอินทรียวัตถุในดินที่เป็นแหล่งอาหารของพวกสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่มีประโยชน์ในระบบห่วงโซ่อาหาร ทำให้สัตว์ที่เคยมีหลากหลายชนิดในไร่นาลดจำนวนลง
ดังนั้น ปุ๋ยชีวภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นทางเลือกหนึ่งในการนำมาใช้ช่วยทดแทนและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยเคมี และสร้างระบบการผลิตทางการเกษตรให้เกิดความยั่งยืนเพื่อให้มีความเข้าใจเรื่องปุ๋ยชีวภาพอย่างชัดเจน แบะสอดคล้องตามหลักวิชาการปุ๋ยและพระราชบัญญัติปุ๋ยของไทย ผู้ผลิตและผู้ใช้ปุ๋ยจำเป็นต้องมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับปุ๋ยที่ถูกต้อง


ความหมายของปุ๋ยชีวภาพ
ก่อนจะกล่าวถึงปุ๋ยชีวภาพควรจะมีความเข้าใจถึงความหมายของคำว่าปุ๋ยก่อน ความหมายของปุ๋ยที่สั้นที่สุดนั้น ปุ๋ย หมายถึง วัสดุที่ให้ธาตุอาหารแก่พืช ส่วนพระราชบัญญัติปุ๋ย 2518 ได้ให้คำจำกัดความปุ๋ยไว้ว่า “ ปุ๋ย ” หมายถึง สารอินทรีย์ หรืออนินทรีย์ไม่ว่าจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติหรือทำขึ้นก็ตาม สำหรับใช้เป็นธาตุอาหารแก่พืชได้ไม่ว่าโดยวิธีใด หรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในดิน เพื่อบำรุงความเติบโตแก่พืช นักวิชาการปุ๋ยโดยทั่วไปสามารถจำแนกปุ๋ยได้ 3 ประเภท คือ ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยชีวภาพ


นิยาม “ ปุ๋ยชีวภาพ”
คำว่า “ ปุ๋ยชีวภาพ ” (Bio-fertilizer) นั้นเป็นคำศัพท์ทางด้านปุ๋ยที่ใช้กันทั่วๆ ไปในหลักวิชาการปุ๋ยสากล โดยได้มีการบัญญัติศัพท์นี้ขึ้นจากศัพท์ภาษาอังกฤษว่า biological fertilizer ซึ่งเป็นการนำคำว่า “ ปุ๋ย ” (fertilizer) หมายถึง ธาตุอาหารพืช กับคำว่า “ ชีวภาพ” (Biological) หมายถึง สิ่งที่มีชีวิต มาสมาสกัน ดังนั้นเจตนาที่บัญญัติคำนี้ จึงให้หมายถึง “ ปุ๋ยที่ประกอบด้วยจุลินทรีย์ที่มีชีวิต ที่สามารถสร้างธาตุอาหาร หรือช่วยให้ธาตุอาหารเป็นประโยชน์กับพืช ” หรือเรียกว่า “ ปุ๋ยจุลินทรีย์ ” ตามคำจำกัดความนี้จะเห็นได้ว่าไม่ใช้จุลินทรีย์ทุกชนิดจะใช้ผลิตเป็นปุ๋ยชีวภาพได้ แต่ต้องเป็นจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติพิเศษ ที่สามารถสร้างธาตุอาหารขึ้นทางชีวภาพแล้วแบ่งให้พืชใช้ได้หรือมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะเจาะจงในการสร้างสารบางอย่างออกมา มีผลทำให้ช่วยเพิ่มปริมาณรูปที่เป็นประโยชน์ของธาตุอาหารพืชบางชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งธาตุอาหารหลักที่สำคัญ 3 ชนิด คือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม